• ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 100 องค์กรชั้นนำระดับโลกด้านความยั่งยืน โดย Corporate Knights และได้รับการประเมินผลระดับ “A” จากดัชนีชี้วัดความยั่งยืน Carbon Disclosure Project (CDP)
  • การจัดอันดับดังกล่าว ได้มีการประกาศในงานวันเปิด World Economic Forum ณ กรุงดาวอส ปลายปีที่ผ่านมา

18 มีนาคม 2563 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น ได้รับการจัดอันดับ 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การถูกจัดอันดับให้อยู่ในทำเนียบ 100 องค์กรชั้นนำระดับโลกที่มีการพัฒนายั่งยืนที่สุด ตีพิมพ์โดยนิตยสาร Clean Capitalism โดย  Corporate Knights นอกจากนี้ยังได้รับการประเมินผลระดับ “A” จากดัชนีชี้วัดความยั่งยืน (Carbon Disclosure Project (CDP) “A-List” ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 โดยการจัดอันดับจากทั้งสองสถาบันดังกล่าวได้มีการประกาศในงานวันเปิดการประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum หรือ WEF) ในกรุงดาวอส ที่ให้ความใส่ใจในประเด็นการพัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

การยกย่องจากดัชนีชี้วัดจริยธรรมและความใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับอยู่ในทำเนียบ 100 องค์กรชั้นนำระดับโลกที่มีการพัฒนายั่งยืนที่สุดในโลกโดย  Corporate Knights  ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ปี โดยเป็นอันดับแรกของอุตสาหกรรม และอยู่ในอันดับที่ 29 จากองค์กรทั้งหมด ซึ่งการจัดอันดับดังกล่าว ได้ประเมินจากองค์กรทั้งหมด 7,500 รายด้วยกัน และทำการคัดเลือกเหลือเพียง 100 ราย บนฐานการพิจารณาตามดัชนีวัดความสำเร็จใน 21 หัวข้อด้วยกัน ครอบคลุมทั้งในเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากร กาบริหารจัดการบุคลากร การบริหารจัดการการเงิน และความโปร่งใสของรายได้ รวมไปถึงประสิทธิภาพของซัพพลายเออร์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้รับการจัดอันดับอยู่ใน CDP “A-List” (Carbon Disclosure Project (CDP) “A-List” ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 โดยเป็นดัชนีวัดความยั่งยืนที่สะท้อนความใส่ใจและการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนขององค์กรที่ได้รับการจัดอันดับ และมีเพียง 179 บริษัทเท่านั้นที่ได้รับการจัดให้อยู่ในระดับ A ซึ่งการเปิดเผยคาร์บอนและกระบวนการให้คะแนนของ CDP นั้นถือเป็นมาตรฐานระดับโกลด์ ว่าด้วยความโปร่งใสขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม และยังเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารด้านการพัฒนาความยั่งยืนสำหรับลูกค้าและนักลงทุน โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้รับการยอมรับในการดำเนินการเพื่อหยุดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงลดความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีผลงานโดดเด่นทะลุเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนเกินที่องค์กรกำหนด

การได้รับการจัดอันดับทั้ง 2 โครงการนี้ สะท้อนถึงบทบาทในการมีส่วนร่วมในเรื่องการสร้างความยั่งยืน ผ่านโครงการ Schneider Sustainability Impact (SSI) ซึ่งเป็นโครงการสร้างผลลัพธ์จากความยั่งยืน และได้มีการเผยแพร่ผลลัพธ์ที่ได้ในทุกไตรมาส โดยเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าสำหรับนักลงทุน ที่ประเมินความคืบหน้าขององค์กรในเรื่องของความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนอย่างจริงจัง จากดัชนีชี้วัด 21 เรื่องหลักที่ครอบคลุมเรื่องของสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจหมุนเวียน สุขภาพและความเสมอภาค จริยธรรมและการพัฒนา โดยได้มีดำเนินการต่อเนื่อง และพัฒนาให้ดีขึ้นสำหรับปี 2018 จนถึงปี 2020 อีกทั้งยังได้ยกระดับเป้าหมายสำหรับดัชนีชี้วัดทั้ง 9 หัวข้อให้สูงขึ้นไปอีกในช่วงปลายปี 2019        

ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “ภาวะฉุกเฉินของสภาพภูมิอากาศ และการบริการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ นับเป็นอุปสรรคและความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนวิถีการใช้ชีวิตที่ต้องอาศัยพลังงาน ทบทวนแนวทางการออกแบบอาคาร อุตสาหกรรมและเมืองต่างๆ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในแนวทางที่แตกต่างกันเพื่อมุ่งสู่โลกปลอดคาร์บอน  โดยประเด็นเหล่านี้นับเป็นเรื่องหลักและควรจะถือเป็นวาระที่สำคัญสำหรับงาน World Economic Forum ในปีนี้  ซึ่งสำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค คำมั่นสัญญาในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ถูกผสานรวมเข้ากับการตัดสินใจทางธุรกิจและการบริหารจัดการในองค์กร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเราทุกคนจำเป็นต้องทำก็คือการพยายามให้มากยิ่งขึ้นและทำงานให้เร็วขึ้น ซึ่งการที่ความมุ่งมั่นของเราในเรื่องดังกล่าวได้รับการยกย่องจากทั้ง CDP และ Corporate Knights นับเป็นการเป็นสนับสนุนการดำเนินการของเราได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งหน้าต่อไป”

ขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างจริงจังต่อเนื่องในปี 2019

ในปี 2019 ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้สร้างแรงขับเคลื่อนอย่างจริงจังต่อเนื่อง ในการส่งเสริมเรื่องของความยั่งยืนและความเสมอภาค โดยในเดือนสิงหาคม 2019 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เข้าร่วมกับ Business for Inclusive Growth (B4IG) ของ OECD ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรนานาชาติ 34 แห่ง ที่มุ่งมั่นในการสร้างความก้าวหน้าในเรื่องของสิทธิมนุษยชน สร้างสถานที่ทำงานที่มีความเสมอภาค และดำเนินการอย่างจริงจังเรื่องการสร้างความเสมอภาคทั่วระบบนิเวศทางธุรกิจ การร่วมกับ B4IG จะช่วยให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สร้างความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมเพื่อสังคมและความริเริ่มในการแก้ไขปัญหาความเลื่อมล้ำด้านพลังงาน (Social Innovation to Tackle Energy Poverty) ซึ่งปัจจุบันโครงการความริเริ่มดังกล่าวได้ให้การสนับสนุนอยู่ถึง 42 โครงการ และช่วยให้ประชาชนกว่า 40,000 รายได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการ

ในเดือนกันยายน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มีการประกาศในงาน Climate Week NYC ว่ากำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในปี 2030 เพื่อสาธิตให้เห็นถึงการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในระบบนิเวศขององค์กรได้ภายในปี  2025 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero emissions) ภายในปี 2030 พร้อมกับการดึงซัพพลายเออร์ทั้งหมดให้เข้ามามีส่วนร่วมในซัพพลายเชนเพื่อสร้างความเป็นกลางด้านคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2050 อีกทั้งยังได้กล่าวตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นเหล่านี้ในงาน Madrid COP25 ซึ่งจัดขึ้นปลายปีที่ผ่านมา

โดยในกลุ่มมีการตอกย้ำคำมั่นสัญญาด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับแรงจูงใจทางการเงินสำหรับพนักงานกว่า 50,000 ราย และระดับผู้จัดการอาวุโสอีกราว 3,000 ราย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มธุรกิจชไนเดอร์ ได้แบ่งปันทั้งความมุ่งมั่นพยายาม และรางวัลอย่างทั่วถึงทั้งบริษัท

ความมุ่งมั่นพยายามของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังถูกสะท้อนอยู่ในการจัดอันดับอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ทั่วโลก (Dow Jones Sustainability World Index)  เป็นเวลาติดต่อกันถึง 7 ปี นอกจากนี้ยังมี FTSE4GOOD Environmental Leaders Europe 40 index และการจัดอันดับในระดับ AAA ในดัชนี MSCI ตลอดจนดัชนี Vigeo Eiris World120 และ Europe120 รวมถึง France 120 โดยอยู่ในกลุ่มองค์กรที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ในแง่ความสำเร็จด้านการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม #LifeIsOn #WEF20 #ClimateChange #Sustainability