มูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์กรสาธารณกุศล และศูนย์กลางประสานงานทุกภาคส่วนที่มีความเคารพศรัทธาในกรมหลวงชุมพรฯ เตรียมเปิดตัวกิจกรรมหลากหลายตลอดปี ในวาระครบรอบ 120 ปี ที่กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จนิวัติมาตุภูมิ สู่ราชนาวีสยาม มุ่งเทิดพระเกียรติโดยการนำเสนอข้อมูลหลักฐานใหม่ ๆ จากการศึกษาค้นคว้าพระประวัติ ผ่านช่องทางและรูปแบบที่ทันสมัย มุ่งสื่อสารกับคนทุกรุ่นทุกวัย ให้ซึมซับรับแง่คิดและแรงบันดาลใจจากพระปรีชาสามารถและพระกรณียกิจ

ม.ร.ว.จิยากร (อาภากร) เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ เปิดเผยใน “วันอาภากร” ซึ่งคือวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 19 พฤษภาคม ของทุกปี ว่า “เนื่องจากในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2443 พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ เสด็จกลับสู่สยาม และทรงเริ่มรับราชการในกรมทหารเรือ ดังนั้น ปีนี้ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 2563 จึงเป็นวาระครบรอบ 120 ปี ของการเสด็จนิวัติมาตุภูมิ สู่ราชนาวีสยาม นับเป็นวาระอันเหมาะสมต่อการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ รำลึกถึงพระปรีชาสามารถและพระกรณียกิจนานาแขนง ซึ่งสามารถเป็นแบบอย่าง ให้แง่คิดและแรงบันดาลใจซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและเผชิญวิกฤติแก่ผู้คนในยุคปัจจุบันได้ในหลายแง่มุม”

ม.ร.ว.จิยากร กล่าวต่อว่า “สำหรับรูปแบบกิจกรรมที่จะจัดขึ้นนั้น แรกเริ่มเดิมที มูลนิธิฯ ได้ดำริไว้อย่างหลากหลาย ทั้งในรูปแบบ On-ground, On-field และ On-line เพื่อให้เข้าถึงผู้สนใจในวงกว้าง ตอบสนองลักษณะความชื่นชอบกิจกรรมที่หลากหลาย แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องระงับแผนในบางกิจกรรม รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบของอีกหลายกิจกรรมมาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการป้องกันการแพร่เชื้อตามมาตรการของรัฐบาล ซึ่งก็จะส่งผลทำให้กิจกรรมเหล่านี้ สามารถเข้าถึงผู้คนได้กว้างขวางมากขึ้นอย่างแทบจะไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แบบออนไลน์ ชื่นชอบทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโลกโซเชียลมีเดีย 

กิจกรรมเด่น ๆ ที่มูลนิธิฯ วางแผนไว้นั้น มุ่งเทิดพระเกียรติโดยการนำข้อมูลหลักฐานและเรื่องราวใหม่ ๆ จากการศึกษาค้นคว้าพระประวัติ มานำเสนอสู่ผู้สนใจด้วยรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การเสวนาเจาะลึกเรื่องพระประวัติ ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นทุกเดือน โดยมีแขกรับเชิญท่านต่าง ๆ ที่ล้วนเป็นผู้ศึกษาเกี่ยวกับพระประวัติในแง่มุมต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นผู้ร่วมเสวนา ถ่ายทอดสู่ผู้ชมผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งชมสดและชมย้อนหลัง นอกจากนั้น ยังจะมีการนำเสนอเอกสารจดหมายเหตุและภาพประวัติศาสตร์จำนวนมาก เกี่ยวกับการทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ซึ่งคณะทำงานของมูลนิธิฯ ได้ไปค้นคว้ารวบรวมจากหอจดหมายเหตุและสถานที่สำคัญหลายแห่งในอังกฤษ โดยจะนำเสนอทั้งในรูปคอนเทนต์เชิงสาระ และนำเสนอเป็น On-line thematic exhibition โดยผสมผสานเนื้อหาเข้ากับศิลปะของการนำเสนอ ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมได้จากทุกแห่งในโลก”

ด้าน ม.ร.ว. อภิเดช อาภากร รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในการเริ่มดำเนินกิจกรรมเทิดพระเกียรติต่าง ๆ นั้น มูลนิธิฯ ได้กำหนดให้วันที่ 11 มิถุนายน 2563 เป็นวันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากตรงกับวันที่พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ เสด็จกลับมาถึงกรุงเทพ เมื่อ 120 ปีก่อน  อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันอาภากร 19 พฤษภาคม เป็นต้นไป มูลนิธิฯ ก็ได้เริ่มเปิดช่องทางออนไลน์ในรูปของ official website และ Facebook page สำหรับให้ผู้สนใจเข้ามาติดตามข่าวสารของกิจกรรมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว

สำหรับรายละเอียดของแต่ละกิจกรรมนั้น ขณะนี้ มูลนิธิฯ ยังไม่ขอเปิดเผย โดยขอให้ทุกท่านอดใจรอการเปิดตัวในวันที่ 11 มิถุนายน อันเป็นวันครบรอบวาระ 120 ปี เสด็จนิวัติมาตุภูมิ สู่ราชนาวีสยาม อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า ทั้งรูปแบบและเนื้อหาของกิจกรรมเทิดพระเกียรติที่จะเกิดขึ้นนั้น จะแปลกใหม่แตกต่างจากกิจกรรมหรือสื่อที่ผู้เคารพศรัทธาและศึกษาพระประวัติได้เคยพบมาในอดีตอย่างแน่นอน  

ผู้สนใจทุกท่าน สามารถเข้าไปติดตามและกด “เห็นโพสต์ก่อน” (see first) ที่เฟซบุ๊กเพจ “120 ปี เสด็จนิวัติมาตุภูมิ สู่ราชนาวีสยาม” ที่ลิงก์ เพื่อให้ทราบข่าวสารจากโครงการอย่างต่อเนื่องต่อไป หรือเข้าไปชมเนื้อหาที่มาของโครงการได้ที่เว็บไซต์ http://hrh-abhakara-120anv-homecoming.com ได้ตั้งแต่บัดนี้