คุณทำธุรกิจมีเว็บไซต์ สร้างโฆษณาโปรโมททุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย แต่ทำไมยังไม่มียอดขาย? เชื่อเลยว่าคำถามนี้ยังกวนใจหลายๆ คน แถมทำให้กังวลเรื่องงบโฆษณาที่บานปลาย ลูกค้าก็ไม่ซื้อสินค้าสักที เราจะขอแนะนำตัวช่วยที่ทำให้คุณรู้ว่า ลูกค้าของคุณเป็นใคร มาจากช่องทางไหน ชอบคอนเทนต์อะไรที่คุณทำ ตลอดจนเกิดการซื้อ! เขาจะช่วยวิเคราะห์ เก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าให้คุณได้อย่างละเอียด ทำให้คุณปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วย และสร้างยอดขายให้คุณได้จริงๆ ตัวช่วยนี้มีชื่อว่า Google Analytics เครื่องมือทรงพลัง ปั้นธุรกิจคุณให้ประสบความสำเร็จ อยากรู้ว่าเขาดียังไงบ้าง ต้องอ่านให้จบแล้วล่ะ

 ติดตั้ง Google Analytics  มีประโยชน์จริงหรือ?

ตอนนี้คุณคงพอทราบคร่าวๆ แล้วว่า เขาทำอะไรได้บ้าง ขอยืนยันเลยว่า การติดตั้ง Google Analytics ไว้มีประโยชน์มากจริงๆ เพราะช่วยให้นักธุรกิจหลายคนประสบความสำเร็จมาแล้ว นักขายมือใหม่ หรือมืออาชีพที่พึ่งมีเว็บไซต์หรือบล็อก จะพลาดการใช้งานเครื่องมือนี้ไม่ได้เด็ดขาด มันจะดีกว่าไหม? ถ้าคุ้นได้ข้อมูลลูกค้า คนที่สนใจสินค้าของคุณอย่างละเอียด ทำให้คุณบริหารจัดการ จัดสรรงบประมาณต่างๆ ได้ดีขึ้น เราจะขออธิบายแบบง่ายๆ ให้คุณเข้าใจเครื่องมือนี้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้ 

Googles Analytics คือ เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ จำแนกข้อมูล และเก็บรวบรวมข้อมูลของคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ บล็อกของคุณได้อย่างละเอียด เช่น จำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์มีกี่คน เพศอะไร จังหวัดที่อยู่ เข้ามาจากช่องทางไหน มีพฤติกรรมหรือทำกิจกรรมอะไรบ้างขณะเยี่ยมชม สนใจคอนเทนต์และสินค้าอะไรของคุณ โดยจำแนกการรายงานผลหลักๆ ได้ 4 ขั้นตอน ดังนี้

  1. Audience Reports ทำให้คุณทราบว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณเป็นใคร เพศชาย/หญิง อาศัยอยู่จังหวัดอะไร อายุเท่าไร ใช้อุปกรณ์อะไรในการเข้ามา ถ้าใครเคยยิง Ads        เฟซบุ๊กจะเห็นแล้วว่า มีความคล้ายๆ กับการแสดงผลลูกค้าที่เข้าชมหรือซื้อสินค้า เช่น รายงานผลบอกข้อมูลผู้เยี่ยมชม เพศหญิง อายุ 24-28 ปี ใช้ Mobile มือถือเข้าเว็บ
  2. Acquisition Reports จะช่วยให้คุณทราบว่าเขากดเข้าเว็บไซต์ของคุณจากช่องทางไหน เช่น เข้ามาจากการโปรโมทโฆษณาใน Google ไหม บางคนอาจเข้ามาจาก Facebook, Instagram, Twitter หรือสื่อ Social media อื่นๆ ยกตัวอย่าง ธุรกิจขายเครื่องสำอางคนเข้ามาจาก Facebook และ Instagram มากกว่าช่องทางอื่น คุณก็ต้องจัดสรรงบประมาณโฆษณาใหม่ให้เหมาะสม โดยพิจารณาว่าช่องทางไหนที่ช่วยให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ได้มากที่สุด และพิจารณาช่องทางที่สร้างยอดขายได้มากกว่าร่วมด้วย
  3. Behavior Reports ทำให้คุณทราบว่าลูกค้ามี Active หรือพฤติกรรมอะไรบ้าง เช่น เปิดเข้าไปอ่านคอนเทนต์ไหนมากที่สุด ใช้เวลาอ่านหรืออยู่ในเว็บเท่าไร ออกจากเว็บเมื่อไร เข้าหน้าแรกแล้วเปิดหน้าต่อไปหรือไม่ ซึ่งช่วยเก็บข้อมูลความสนใจของผู้เยี่ยมชมได้อย่างละเอียด และทำให้คุณนำไปปรับคอนเทนต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ถ้าเนื้อหาคอนเทนต์คุณไม่น่าสนใจก็อาจทำให้ Bounce rate สูงได้ ซึ่งคือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้ามาดูหน้าแรกหน้าเดียวแล้วกดออกเลย แต่ถ้าคอนเทนต์คุณมีเนื้อหาน้อยและมีหน้าเดียวหรือ มีรูปภาพและข้อความสั้นๆ อยู่แล้ว ก็อาจพิจารณาจาก Bounce rate ไม่ได้ ต้องดูจากรายงานส่วนอื่นๆ ประกอบ
  4. Conversion Reports จะรายงานเป้าหมายสูงสุดที่คุณตั้งเป้าไว้ให้ทราบ คือ คนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ มีการสั่งซื้อสินค้าไหม ซื้อมากหรือน้อย มีการคลิก แอดช่องทางติดต่อ สมัครสมาชิก หรือลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารจากคุณหรือเปล่า ซึ่งการรายงานผลแบบ Conversion จะประมวลข้อมูลให้คุณทุกขั้นตอน มีกี่เพจก็วิเคราะห์ Goal ให้หมด แต่ต้องตั้ง Goal (เป้าหมาย) ไว้ก่อนนะ โดยความพิเศษของเขาเลยคือ ทำให้คุณทราบว่าสินค้าที่คุณขายตัวไหนที่ลูกค้าซื้อมากที่สุด ตัวไหนที่ขายได้น้อยมาก และช่วยรายงานยอดขายให้ด้วย เป็นเรื่องง่ายที่คุณจะจัดทำโปรโมชั่น และแบ่งงบประมาณลงทุนกับสินค้าให้เหมาะสมมากขึ้นได้ด้วย

นอกจากนี้การรายงานผลของ Google Analytics สามารถรายงานผลให้คุณทราบได้ทั้งแบบรายวัน/เดือน/ปีผ่านตัวชี้วัดต่างๆ อีกทั้งยังมีแบบรายงานสด ก็ต้องตั้งค่ารายงานแบบ Real Time Reports เขาจะช่วยแจ้งผลขณะที่คนกำลังเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอยู่ การรายงานผลจะประมวลและแจ้งข้อมูลออกมาในรูปแบบของสถิติ ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้คงพอเข้าใจภาพรวมและความคุ้มค่าของเครื่องมือนี้แล้วว่า มีประโยชน์ต่อธุรกิจคุณมากเพียงใด สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจ งงๆ อยู่บ้าง เราก็ขอยกตัวอย่างเคสธุรกิจ เพื่อให้คุณเข้าใจมากขึ้น

ตัวอย่าง การเก็บข้อมูลของ Google Analytics จากร้านขายเฟอร์นิเจอร์ Outdoor ออนไลน์

  1. ลูกค้าของคุณเป็นเพศชาย หญิง / อายุ / จังหวัด / ใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์เข้ามา 
  2. ช่องทางที่ลูกค้ากดเข้ามาและรู้จักร้านเรา ซึ่งคุณได้ลงโฆษณา/โปรโมทไว้ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Jeban, Google หรืออื่นๆ 
  3. เฟอร์นิเจอร์ที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุด โดยพิจารณาผลจากทั้งเพศหญิงและชาย
  4. ลูกค้าใช้เวลาในการดูเฟอร์นิเจอร์ สินค้าของคุณนานเท่าไร
  5. กลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาในเว็บไซต์และสนใจสินค้าหรือคอนเทนต์คุณมากที่สุดเป็นวัยใด
  6. เฟอร์นิเจอร์ที่สร้างยอดขายให้คุณมากที่สุดในร้าน
  7. กลุ่มเป้าหมายที่สร้างยอดขายให้คุณได้มากที่สุด
  8. โปรโมชั่นที่คุณทำไว้ โปรไหนเด็ดทำให้ลูกค้าซื้อมากที่สุดไวสุด
  9. เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่ลูกค้าไม่สนใจ และสร้างยอดขายให้คุณน้อย

 

ข้อมูลข้างต้นจะช่วยในการวางแผน Marketing ต่อไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งคุณสามารถนำมาปรับปรุงแผนการตลาด สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงกลุ่ม และสร้างยอดขายได้มากที่สุด แถมเจาะกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและช่องทางการขายได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องสิ้นเปลือง เสียงบโฆษณาเยอะโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป Google Analytics จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้พุ่ง หรือพูดง่ายๆ คือ เราเจาะตลาดไปแล้วได้ลูกค้าหรือส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้นนั่นเอง

ก่อนจะจากกันไปหลายคนที่กำลังเตรียมพร้อมทำธุรกิจออนไลน์คงแอบหนักใจเป็นแน่ เพราะการทำธุรกิจออนไลน์ให้ปังนั้นมันไม่ง่ายเลย ทั้งคู่แข่งก็มีกันเกลื่อน ยิ่งถ้าสินค้าไม่ได้แตกต่างกันมากทั้งคุณภาพและราคาแล้ว ก็ต้องมาแข่งกันที่การบริการและการตลาด ใครทำได้ตรงใจลูกค้ากว่าคนนั้นก็ได้ยอดไป หลายคนเลยต้องหันมาพึ่ง Google Analytics แต่การติดตั้ง เครื่องมือ และการตั้งค่านี้ก็มีความซับซ้อนอยู่มาก ต้องอาศัยความชำนาญในการทำ เพื่อไม่ให้คุณเสียเวลาและประหยัดงบได้มากที่สุด เราจะขอเสนอบริการ Fastwork ที่มีฟรีแลนซ์ผู้เชี่ยวชาญในการรับติดตั้ง Google Analytics พร้อมปรับ setting เพื่อวัดผล และติดตั้งการวัดผลแบบพิเศษเข้าไปให้คุณ จบปัญหายุ่งยากคาใจทั้งหลาย เพียงคุณใช้บริการและขอคำปรึกษา เขาก็พร้อมให้คำแนะนำดีๆ แก่คุณตลอดการทำงาน โดยกดเข้าไปที่ลิงก์นี้เลย https://fastwork.co/analytics-tracking รับรองว่า ธุรกิจของคุณจะเติบโตได้ไวขึ้น มีออเดอร์เข้ามามากขึ้นจนแพ็คส่งแทบไม่ทันแน่นอน