• สร้างพอร์ตบริหารโรงแรมสี่ดาว เพื่อพัฒนาสินทรัพย์โรงแรมสร้างมูลค่าเพิ่ม
  • ตั้งเป้าลงทุน 12-15 แห่งในอีก 18 เดือนข้างหน้า มูลค่าเงินลงทุนแต่ละโครงการประมาณ 1.5 พันล้านบาท
  • เน้นกลยุทธ์บริหารสินทรัพย์โรงแรมห้าประการ: อัดฉีดเงินทุน ปรับ positioning รีแบรนด์

          จ้างงานบุคลากรสาขาท่องเที่ยว เปิดธุรกิจดำเนินกิจการอีกครั้ง

  • ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำด้านลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรมชั้นนำ Destination Group
  • บริหารโดยทีมผู้มีประสบการณ์ในการลงทุนซื้อกิจการโรงแรม ฟื้นกิจการเพิ่มมูลค่าและขายสินทรัพย์โรงแรม โดยมีมูลค่าการตอบแทนสูง

กรุงเทพฯ 15 กรกฎาคม 2563: เดซติเนชั่น แคปปิตอล (Destination Capital) บริษัทเพื่อการลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรม จับมือพันธมิตรพร้อมเข้าลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทในเอเชีย แปซิฟิค โดยในขั้นต้นจะเน้นซื้อโรงแรมในไทยเป็นหลัก เน้นคัดโครงการที่มีศักยภาพ รีโนเวท ปรับปรุงการบริหารและการตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงรีแบรนด์ให้ขึ้นเป็นแบรนด์โรงแรมระดับโลกเพื่อช่วยฟื้นฟูการทำรายได้ พร้อมตั้งเป้าช่วยฟื้นฟูธุรกิจบริการและท่องเที่ยวไทย

เดซติเนชั่น แคปปิตอล ก่อตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้โดยกลุ่มธุรกิจลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรมชั้นนำ เดซติเนชั่น กรุ๊ป

นาย เจมส์ แคพแลน ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่าทางบริษัทกำลังมองหาสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการพัฒนา สร้างผลตอบแทนได้สูงหลังจากที่ได้รับการบูรณะปรับปรุงและปรับตำแหน่งทางการตลาดให้เหมาะสมตามกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทแล้ว โดยสินทรัพย์เป้าหมาย ได้แก่โรงแรมและรีสอร์ทขนาดประมาณ 200 ห้อง ในทำเลชั้นดีในหัวเมืองใหญ่และจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก

ทางบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะทยอยซื้อโรงแรมสี่ดาวเข้าพอร์ตให้ได้รวมทั้งสิ้น 12-15 แห่ง ภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า

นายเจมส์ กล่าวว่าเขาพร้อมใช้ทักษะและประสบการณ์ยาวนานจากการดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ททั่วโลก รวมถึงการสนับสนุนจาก เดซติเนชั่น กรุ๊ป และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อดึงกองทุนร่วมทุนและกิจการร่วมลงทุนต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ให้เข้ามาร่วมลงทุนซื้อสินทรัพย์เป้าหมายและปรับปรุงสินทรัพย์และตำแหน่งทางการตลาดให้เหมาะสมกับตัวโครงการ รวมถึงการบริหารสินทรัพย์โรงแรมทั้งในและภูมิภาคเอเชีย

ทั้งนี้ เขากล่าวว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ในปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน ถึงแม้ว่าตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2563 นี้ล่าสุดจะลดลงเหลือเพียง 8 ล้านคนและ 7 ล้านคนจากจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนประเทศไทยตั้งแต่ก่อนปิดน่านฟ้าเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิดก็ตาม

ทั้งนี้ ธุรกิจการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงจากวิฤติการณ์โรคระบาดโควิดในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ซึ่งพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 18% ของจีดีพี

วิกฤติในครั้งนี้ส่งผลให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นนับล้านคนและโรงแรมจำนวนหลายพันห้องจำต้องปิดกิจการ ส่งผลให้เกิดความต้องการแหล่งเงินทุนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเปิดกิจการได้อีกครั้งรวมถึงสามารถจ้างงานบุคลากรที่ถูกเลิกจ้างไปก่อนหน้านี้ ตลอดจนใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไปได้ภายใต้ภาวะซบเซา ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะยืดเยื้อไปจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้งานได้และธุรกิจการบินสามารถกลับเปิดเส้นทางการบินได้เป็นปกติ

ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะยังคงอยู่ในสภาพซบเซาและใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการฟื้นตัว จากวิกฤติการณ์ในอดีตที่มีผลกระทบการท่องเที่ยวไทยมาหลายต่อหลายครั้ง จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวไทยสามารถที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ และยังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆทุกรอบ อีกทั้งยังสามารถยืนหยัดต้านแรงเสียดทานจากวิกฤติต่างๆได้ดีขึ้น

“เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งเช่นเคยและน่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีกลับสู่ภาวะฟื้นตัวเต็มที่” นาย เจมส์ กล่าว

“เราสามารถใช้ทรัพยากรทั้งหลายที่มีอยู่จากความเชี่ยวชาญของเราที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มายาวนาน เข้ามาใช้ในการปรับปรุงกิจการเหล่านี้ให้กลายเป็นสินทรัพย์ชั้นดีและพร้อมดำเนินกิจการให้เดินเต็มสูบได้ทันพอดีกับช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว” นายเจมส์ กล่าว พร้อมย้ำอีกว่าทีมผู้บริหารของบริษัทมีความพร้อมทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทอย่างครบถ้วนทุกมิติ โดยทางทีมมีผลงานในการฟื้นฟูกิจการโรงแรมในประเทศไทยมานานกว่า 24 ปี

นายแคพแลน ย้ำในตอนท้ายว่าด้วยพื้นฐานแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะกลาง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท

 

เกี่ยวกับ บริษัท เดซติเนชั่น แคปปิตอล จำกัด

บริษัท เดซติเนชั่น แคปปิตอล จำกัด  ก่อตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อการลงทุน โดยร่วมมือกับกองทุนธุรกิจร่วมลงทุนต่างๆทั้ง private equity และกองทุนสถาบัน เสาะหา ซื้อกิจการโรงแรมในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค โดยเน้นที่ประเทศไทยเป็นหลัก

บริษัทให้การสนับสนุนการระดมทุนโดยกองทุนธุรกิจร่วมลงทุนต่างๆทั้ง private equity กองทรัสต์ เพื่อใช้เป็นในการลงทุนในธุรกิจโรงแรม โดยมุ่งลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าเพิ่ม อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายเน้นช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยการพัฒนาสินทรัพย์โรงแรมให้สามารถกลับเข้าสู่วงจรธุรกิจได้อย่างแข็งแรง รวมถึงมุ่งช่วยเพิ่มการจ้างงานบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทยที่มีมูลค่าสูงถึง 18% ของจีดีพีต่อปี

บริษัท เดซติเนชั่น แคปปิตอล จำกัด เป็นส่วนหนึ่งของ บริษัทเดซติเนชั่น กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการโรงแรม นำมาพัฒนาศักยภาพ ปรับปรุงฟื้นฟู และบริหารโรงแรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ไปจนถึงการขายโรงแรม มาตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยท่านสามารถหารายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.destinationcapital.co.th