สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังเร่งปรับตัวอย่างแข็งขันให้อยู่รอดและโดดเด่นในยุคที่มีการแข่งขันสูง หนึ่งในก้าวสำคัญคือการสร้างพื้นที่บนโลกดิจิทัลเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าออนไลน์ที่กำลังโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด การมองหาแพลทฟอร์มอีเมิร์ซที่เหมาะสมเพื่อเป็นตัวช่วยธุรกิจจึงเป็นแต้มต่อแรกสำหรับการพัฒนาและบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ Magento คือหนึ่งในผู้นำด้านแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่ธุรกิจมากมายเลือกใช้ บทความนี้จะมาเผยข้อเปรียบเทียบ magento ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้างที่เจ้าของธุรกิจการต้องพิจารณา

ข้อดี

1.ฟังก์ชั่นการใช้งานตั้งแต่พื้นฐานถึงขั้นสูง
Magento ออกแบบระบบการใช้งานให้ครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานที่เว็บไซต์ร้านค้าควรมีอย่าง ระบบการบริหารจัดการสินค้าและคงคลัง การจัดการคอนเทนต์ รูปภาพประกอบ ข้อมูลสินค้า การทำการตลาด ระบบการดูแลการซื้อลูกค้า รวมไปถึงการวิเคราะห์และรายงานผลเพื่อการวางกลยุทธ์สำหรับอนาคต ไปจนถึงความสามารถรองรับสินค้าจำนวนมากในการขยายตัวธุรกิจ

2.รองรับการปรับแต่ง
เนื่องจาก Magento เป็นแพลทฟอร์มแบบ open source คือนักพัฒนาสามารถทำการปรับแต่งระบบโค้ด โครงสร้างหลังบ้าน ให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจ การทำแบรนดิ้ง แก้ไขปรับปรุง หรือการอัพเดทระบบใหม่ๆจึงเป็นเรื่องง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแล

3.การขยายธุรกิจไม่ไกลเกินเอื้อม
เจ้าของกิจการส่วนใหญ่มีความปรารถนาที่จะพาธุรกิจให้เติบโตในระดับต่างประเทศ Mageno วางรากฐานให้ธุรกิจสามารถมีหลายหน้าร้านในระบบเดียว ซึ่งง่ายต่อการบริหารจัดการ หรือการรองรับระบบหลายภาษา รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินอัตโนมัติตามพื้นที่อยู่อาศัยของผู้ใช้งาน จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดใหม่ สร้างรายได้จากทั่วโลก

4.ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากล
อย่างที่เรามักได้ยินเรื่องการโจรกรรมทางไซเบอร์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่เป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มักมีการเก็บข้อมูลละเอียดอ่อนและข้อมูลด้านการเงินของผู้ใช้งานไว้ ระบบความปลอดภัยของเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม ระบบของ Magento มีความปลอดภัยสูงสามารถปกป้องเว็บไซต์จากมัลแวร์หรือการกระทำที่ไม่น่าเชื่อถือ

ข้อเสีย

1.ใช้เงินลงทุนสูง
แน่นอนว่าระบบที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง มาพร้อมความสามารถในการสร้างคุณค่าให้ธุรกิจไม่ว่าจะเป็น ระบบการใช้งานพื้นฐานที่ครอบคลุมการเริ่มต้นธุรกิจ การปรับแต่งการใช้งาน รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต มักแลกมาด้วยการลงทุนที่สมน้ำสมเนื้อ แม้ว่าฟังก์ชันพื้นฐานจะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากต้องการเพิ่มความสมบูรณ์ให้ธุรกิจก็จำเป็นต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติม

2.ใช้เวลาเยอะ
การทำระบบอีคอมเมิร์ซของธุรกิจบนแพลทฟอร์ม Magento อาจจำเป็นต้องใช้เวลาถึง 1 ปีหากเป็นระบบแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องใช้เวลาพอสมควรในการโยกย้ายธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว การที่ธุรกิจพัฒนาได้ช้าลงอาจทำให้เสียโอกาสการค้าในตลาดแข่งขันสูง

3.ต้องใช้ผู้มีประสบการณ์สูง
เนื่องจาก Magento ไม่ใช่ซอฟแวร์สำเร็จรูป การสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของธุรกิจจึงจำเป็นต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง ผู้พัฒนาระบบต้องมีความรู้ในการเขียนโค้ด และยิ่งหากได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงก็จะยิ่งผลักดันให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดดเด่นเหนือคู่แข่งทางการค้าได้ไม่ยาก

หากธุรกิจใดกำลังมองหาแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อสร้างพื้นที่ออนไลน์เข้าถึงผู้คนบนโลกไซเบอร์ Magento ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะได้รับการยอมรับจากธุรกิจทั่วโลกถึงระบบคุณภาพมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการอาจพิจารณาจากความต้องการของธุรกิจตนเอง และความคุ้มค่าการลงทุนสอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้